ราคาน้ำมันเริ่มที่ 2.50 บาท ราคาน้ำมันเบนซิน 91, 95, E20, E85 ระยะเวลา 3 เดือน เริ่ม 7 พย.66
8 พฤศจิกายน 2566
9
0
0
#พีระพันธ์ุ “ปลื้ม” ได้ช่วยเหลือประชาชนเกินกว่าที่สัญญาไว้
พีระพันธ์ุ เดินหน้าลดราคาพลังงาน ถึงคิวประชาชนกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ปลื้มใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชนเกินกว่าที่สัญญาไว้ พร้อมสั่งการยังคงเดินหน้ามุ่งมั่นปรับโครงสร้างราคาพลังงาน
เมื่อวานนี้ (วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค #รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากที่ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ซึ่งวันนี้ถึงคิวกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ได้ลดราคาถึง 2.50 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 / เบนซิน ลด 1 บาท ส่วนน้ำมัน E20 และ E85 ลด 80 สตางค์ ซึ่งการลดราคาน้ำมันในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณ 2 หน่วยงานสำคัญ คือกรมสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
การลดราคาพลังงาน นับเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ซึ่งจะต้องครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ไม่มีการเลือกว่าจะช่วยกลุ่มใดโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังต้องสร้างความสมดุล ระหว่างการลดราคาเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการ เพราะหากผู้ประกอบการอยู่ได้ ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานอีกทางด้วย
“ทุกวันนี้ผมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายชุด ช่วยกันศึกษาและพิจารณาโครงสร้างราคาพลังงานชนิดต่างๆ พวกเราทำงานกันอย่างหนัก มีการประชุมทุกวันอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เห็นว่า เพียง 2 เดือนนับจากที่ผมได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็สามารถลดราคาพลังงานทั้งน้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า และในวันนี้ก็มีการลดน้ำมันเบนซิน และในขณะนี้ก็อยู่การพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ NGV ที่มีผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนมายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ ผมขอย้ำว่า ผมจะช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มที่เดือดร้อน ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อ ให้ได้ใช้พลังงานในราคาที่เป็นธรรมไปพร้อมกับการสร้างความยั่งยืน และเร็วๆ นี้การช่วยเหลือก็จะขยายไปสู่กลุ่มเกษตรกร ชาวประมง และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่สามารถเข้าถึงพลังงาน หรือแม้แต่ในกรุงเทพเอง ที่บางพื้นตามตรอกซอกซอยที่มืดไม่ปลอดภัย กระทรวงพลังงานก็ได้เริ่มสำรวจและจะเข้าไปดูแล ติดตั้งแสงสว่างให้ทุกพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย“ นายพีระพันธุ์ กล่าว
::: รูปภาพที่เกี่ยวข้อง :::
R
ELATED NEWS
ข่าวที่น่าสนใจ
Hover Icon
6 เมษายน 2565
63
วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 09.00 น. พลังงานจังหวัดชุมพร เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะเนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประจำปี พ.ศ. 2565

พลังงานจังหวัดชุมพร เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะเนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประจำปี พ.ศ. 2565 วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 09.00 น. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ และกล่าวคำถวายราชสดุดี เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ณ หอประชุมจังหวัดชุมพร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพสกนิกรในจังหวัดชุมพร เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีสืบทอดต่อจาก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และทรงสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของไทย พระองค์ได้วางระเบียบการปกครอง โดยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แก้ไขพระราชกำหนดกฎหมายใหม่ ตั้งเป็นหลักไว้เรียกว่า กฎหมายตราสามดวง คือ ตราราชสีห์ คชสีห์ และบัวแก้ว เพื่อใช้เป็นหลักการวินิจฉัยอรรถคดีมาจนถึงรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะได้ทรงวางรากฐานกรุงเทพมหานคร และทรงวางรากฐานประเทศไทยโดยทั่วไป ให้เป็นปึกแผ่นถาวรมั่นคง คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 6 เมษายนของทุกปี เป็นวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ จังหวัดชุมพรได้จัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริยาธิราชเจ้าแห่งราชจักรีวงศ์ทั้ง 10 พระองค์ ล้วนทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม ทรงบำรุงอาณาประชาราษฎร์ให้ร่มเย็นเป็นสุข เอาใจใส่ดุจบิดากับบุตร ด้วยกุศโลบาย และพระปรีชาสามารถ ทำให้ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาค ที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาติใดในยุคล่าอาณานิคม พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ เป็นผู้ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อความผาสุกของประชาชนในชาติ มีพระจริยวัตรงดงาม พระบารมีแผ่ไพศาลเป็นที่ชื่นชมแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้เสื่อมคลาย

Hover Icon
6 เมษายน 2565
34
วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 10.09 น. พลังงานจังหวัดชุมพร เข้าร่วมพิธีสักการะเสาหลักเมืองจำลอง เพื่อความเป็นสิริมงคล

พลังงานจังหวัดชุมพร เข้าร่วมพิธีสักการะเสาหลักเมืองจำลอง เพื่อความเป็นสิริมงคล วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 10.09 น. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีสักการะเสาหลักเมืองจำลอง ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยข้าราชการ พี่น้องประชาชน ร่วมสักการะเสาหลักเมืองจำลองเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเสาหลักเมืองจำลอง เดิมประดิษฐานอยู่ที่บริเวณห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ก่อนจะนำมาประกอบพิธี เพื่อให้ข้าราชการ และพี่น้องประชาชน ได้สักการะเสาหลักเมืองจำลอง ก่อนที่จะมีการอัญเชิญเสาหลักเมืองจำลอง ขึ้นรถขบวนแห่ไปประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมืองชุมพร และประกอบพิธีบวงสรวงและสมโภชเสาหลักเมืองจังหวัดชุมพร ในวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2565 ณ ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร

Hover Icon
7 เมษายน 2565
27
วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2565 เวลา 08.29 น. พลังงานจังหวัดชุมพรเข้าร่วมพิธีบวงสรวงสมโภชเสาหลักเมืองมหาเทพเทวาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมพร

พลังงานจังหวัดชุมพรเข้าร่วมพิธีบวงสรวงสมโภชเสาหลักเมืองมหาเทพเทวาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมพร วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2565 เวลา 08.29 น. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีบวงสรวง สมโภชเสาหลักเมืองมหาเทพเทวา และประสาทน้ำมนต์หลักเมืองจักรพรรดิเทวาและประสาทพรเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมพิธีและประชาชนชาวชุมพร โดยมี นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นางปวีณ์ริศา เกิดสม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และพี่น้องประชาชนเข้าร่วมพิธี ณ บริเวณศาลหลักเมือง ถนนปรมินทรมรรคา ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร ในการนี้ จังหวัดชุมพร ได้อัญเชิญเสาหลักเมืองจำลอง ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่ห้องปฏิบัติของงานผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร มาประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร จากนั้นประกอบพิธีบูชาฤกษ์ บวงสรวงเทวดา พิธีบวงสรวงอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมือง กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เทพเทวาผู้ปกปักรักษาจังหวัดชุมพร มหาเทพบรมครู และ 18 เทพจักรพรรดิ เพื่อประสาทน้ำมนต์หลักเมืองจักรพรรดิเทวาและประสาทพรแก่ผู้ร่วมพิธี จากนั้น เวลา 09.29 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้นำผู้เข้าร่วมพิธีประกอบพิธีสงฆ์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ สมโภชหลักเมืองชุมพร เจริญชัยมงคลคาถา และประพรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมพิธีและประชาชนชาวชุมพร ก่อนจะมอบน้ำพระพุทธมนต์ให้แก่นายอำเภอ และผู้เข้าร่วมพิธีต่อไป ซึ่งหลังจากเสร็จจากพิธีการแล้วได้มีการแสดงมหรสพสมโภช การแสดงเปิดตัวเพลง ”รักชุมพร หลงชุมพร” โดยมีนางรำกว่า 300 คนร่วมการแสดง การแสดงโขน และการรำมโนราห์ถวายบูชาสักการะศาลหลักเมือง สำหรับ ”ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร” ตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดมาก่อน เป็นอาคารทรงปราสาท หลังคาจัตุรมุข ยอดปราสาททรงปรางค์ ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง เป็นเสาไม้แกะสลักลวดลายไทย ลงรักปิดทอง โดยไม้ที่นำมาเป็นเสาหลักเมืองนั้นคือ ”ต้นราชพฤกษ์” ซึ่งถือว่าเป็นไม้สิริมงคลสูงสุดในหมู่ไม้ทั้งหลาย เป็นไม้ที่มีอายุกว่า 100 ปี ขึ้นอยู่ ณ วัดถ้ำรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของ ”เมืองอุทุมพร” หรือเมืองชุมพร มาแต่ดั้งเดิม โดยทำพิธีตัดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2535 ต่อมาจังหวัดชุมพรได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์หลักเมือง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2535 ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเข้าเฝ้า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2535 ณ พระราชวังไกลกังวล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สรงน้ำ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงบรรจุแผ่นยันต์ยอดเสาหลักเมือง เพื่อทำพิธีเปิดศาลและเฉลิมฉลองต่อไป จากนั้นจังหวัดชุมพรได้กราบบังคมทูลและได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดศาลหลักเมืองชุมพร เมื่อวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ซึ่งในปี พ.ศ. 2565 ก็จะเป็นการครบรอบ 30 ปีพอดี ทั้งนี้ การสร้างศาลหลักเมืองชุมพร เพื่อเป็นการแสดงกตัญญุตาคุณแก่แผ่นดิน อีกทั้งเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างบ้านเมือง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุมพร ตามโบราณประเพณีที่กำหนดให้มีศาลหลักเมืองด้วย